โรเมลู ลูคากู กลายเป็นดาวยิงจอมถล่มประตู หลังจากย้ายออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปอยู่กับ “ทัพงูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน เขายิงประตูได้มากมาย จนพา อินเตอร์ มิลาน ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงกัลโช่ ซีเรียอา และกำลังจะคว้าแชมป์มาครอง เพราะตอนนี้ ทำแต้มทิ้งห่าง อตาลันต้า ทีมอันดับที่ 2 ห่างถึง 11 คะแนน เหลือการแข่งขันอีก 5 นัด ซึ่งพวกเขาต้องการแค่ 5 คะแนนจะคว้าแชมป์ไปครองอย่างเด็ดขาด
ก่อนจะไปชมบทความดีๆจากเรา ลิ้งดูบอล.com เว็บไซต์ข่าวสารวงการฟุตบอลและ ชมถ่ายทอดสดการแข่งขันได้ทุกวัน และยังสามารถ ทายผลบอล ได้ด้วยการสมัครสมาชิก ได้ที่ ufa9999 เว็บแทงบอลออนไลน์ ชั้นนำของไทย เล่นง่ายไม่มีขั้นต่ำ
- อาร์เตต้า นายใหญ่ปืนโตทีมระดับสโมสรปรับแผนการเล่นยามไร้เฆซุส
- ลิโอเนล เมสซี่ ผู้เล่นที่เหมาะสมที่สุดกับการจะได้บัลงดอร์อีกสมัย
- “เอมี่ มาร์ติเนซ” ดราม่าได้อีก ถูกวิจารณ์ไม่ให้เกียรติคู่แข่ง
ซีโฟอวย โรเมลู ลูคากู เก่งเทียบชั้นเลวานดอฟสกี้
โดยทาง โรเมลู ลูคาดู ดาวเตะวัย 27 ปี ลงสนามในฤดูกาลนี้ไปแล้ว 40 นัด อยู่ในสนาม 3,262 นาที ยิงได้ 27 ประตู และจ่าย 8 แอสซิสต์
ซึ่งทาง เอ็นโซ ซีโฟ อดีตดาวเตะทีมชาติเบลเยี่ยม ได้กล่าวว่า “ในปี 2019 ลูคากู ถูกวิจารณ์แบบเสียๆหายๆ เขาถูกมองว่าเป็นกองหน้าที่ไร้ซึ่งเทคนิค เน้นใช้แต่กำลัง แถมยังใช้โอกาสเปลืองเอามากๆ แต่ผมเห็นต่างมาตลอด ผมเชื่อมั่นในเท้าซ้ายอันทรงพลังของเขา และเชื่อว่าเขาจะเป็นดาวเด่นบนถนนสายลูกหนัง ด้วยพละกำลังของเขานี่แหละ
เขาย้ายข้ามฟากจากพรีเมียร์ลีก มาสู่เวทีกัลโช ซีเรียอา ด้วยหมายมั่นว่าจะช่วยยกระดับฝีเท้าของตัวเอง และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขามาอยู่กับทีมที่แข็งแกร่ง และเจอกับกุนซือที่ยอดเยี่ยม
เขาคนเดียวสามารถตัดสินเกมได้เลย ลองนึกชื่อมาสักคนสิ ว่าใครที่สามารถตัดสินเกมด้วยตัวคนเดียวได้ ผมเชื่อมั่นมาตลอดว่าเขาจะยิงได้อย่างน้อย 30 ประตูต่อหนึ่งฤดูกาล
อันโตนิโอ คอนเต้ คือกุนซือที่ใช่ ในการพัฒนาตัวเองของเขา คอนเต้มองเห็นความสามารถในตัวเขา เรียกความมั่นใจในตัวเขาออกมา เขาไม่มีทางหากุนซือที่เคมีเข้ากันกับเขาได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว และขณะเดียวกัน อันโตนิโอ คอนเต้ ก็ไม่อาจหานักเตะที่เข้ากับแผนการทำทีมได้เท่ากับ ลูคากู เช่นกัน
ความคิดเห็นส่วนตัวของผมคือ ตอนนี้ ลูคากู ก้าวไปอยู่ในระดับเดียวกับ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ วัยรุ่นนอเวย์ รวมไปถึง คาริม เบนเซม่า ตำนานราชันชุดขาว และยังขึ้นไปเทียบชั้น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ โคตรเพชรฆาตของ บาเยิร์น มิวนิค
เขาปรับตัวได้เสมอ แม้ว่าจะเจอช่วงเวลาที่ยากลำบากแค่ไหน เขามองหาโอกาสและจังหวะที่จะทำประตูอยู่ทุกนาที และตอนนี้คือช่วงที่เขาโชว์ผลงานได้ดีที่สุด นับตั้งแต่ค้าแข้งมา”
